http://thaiherbsbeauty.igetweb.com
สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com

 HOME

 PRODUCT

 ORDER / PAYMENT

 WEBBOARD

 DELIVERY STATUS

 CONTACT US

สถิติ

เปิดเว็บ27/03/2009
อัพเดท23/09/2021
ผู้เข้าชม255,510
เปิดเพจ396,120

สมุนไพร ใกล้ตัว

บทความที่น่าสนใจ

ข่าว สมุนไพร

Q & A

ปฎิทิน

« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    

บริการ

หน้าแรก
Hot Items
เว็บบอร์ด
iGetWeb.com
AdsOne.com

สตีรอยด์ = มะเร็ง

สตีรอยด์ : ยาชุด/ยาลูกกลอน = มะเร็ง


มะเร็งหมายถึงมหันตภัยที่ค่อยๆ คุกคามชีวิตแล้วละก็ ยาสตีรอยด์ที่มีอยู่ในยาชุด/ยาลูกกลอน ก็เปรียบเสมือนมะเร็งร้ายที่คุณเปิดประตูต้อนรับเข้าสู่ร่างกายของคุณเอง

มากกว่าครึ่งของยาชุด/ยาลูกกลอน ที่จำหน่ายในท้องตลาดล้วนมีส่วนผสมของสตีรอยด์ทั้งสิ้น และแน่นอนในระยะเริ่มแรกมันเปรียบเสมือนมิตรที่แสนดี ทำให้คนไม่คิดระแวง ไม่คิดระวัง และติดใจกับบริการของสตีรอยด์ที่แฝงตัวอยู่ในยาชุด ยาลูกกลอนเหล่านั้น สำหรับอิทธิฤทธิ์ของสตีรอยด์ที่ทำให้หลายคนติดใจส่วนหนึ่งเป็นเพราะกินเข้าไปแล้วได้ผลทันตาเห็น อาทิ คนที่กำลังผจญกับอาการปวดอย่างแสนสาหัส พอกินปุ๊บก็หายปวดปั๊บ และที่สำคัญยาเหล่านี้มีราคาถูก หาซื้อกินเองได้ง่าย ยาชุดที่มีสตีรอยด์สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ชัดเจนขนาดนี้ ทำไมจึงหาว่ามันมีลักษณะคล้ายมะเร็งอีกล่ะ ?

"สิ่งใดมีคุณอนันต์ ย่อมมีโทษมหันต์" ซึ่งเป็นคำพูดที่สามารถอธิบายถึงอิทธิฤทธิ์ของสตีรอยด์ในยาชุดยาลูกกลอนได้เป็นอย่างดีทีเดียว อย่างที่บอกในตอนต้นแล้วว่า ระยะเริ่มแรกของการใช้ยานี้จะทำให้คุณรู้สึกดีและมีความสุขในการดำรงชีวิต แต่เมื่อคืนวันผ่านไป คุณจะได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงว่าเป็น "เทวดาหรือพญามาร" ซึ่ง ณ เวลานั้นก็สายเกินไปเสียแล้วที่จะกลับตัวกลับใจ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายของคุณคือ ไตพิการ กระดูกผุ หน้าบวมเป็นดวงจันทร์ (moon face) อ้วน บวมน้ำ ความดันเลือดสูง กล้ามเนื้อไม่มี เป็นต้น      

การแพร่ระบาดของการใช้สตีรอยด์อย่างผิดๆ ว่าแท้ที่จริงแล้วเกิดจากอะไรกันแน่นั้น  คงต้องขออธิบายลึกลงไปถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรม ความเชื่อและทัศนคติในการใช้ยา

๑. เชื่อว่าการซื้อยากินเองช่วยบรรเทาอาการได้ และจะแนะนำยาที่ใช้แล้วได้ผลดีให้แก่ผู้ใกล้ชิดที่มีอาการเดียวกัน ซึ่งเป็นที่มาของทัศนคติที่ว่า "การซื้อยากินเองเป็นสิ่งที่ถูกต้องและไม่น่าจะเป็นอันตราย"

๒. การเจ็บป่วยเพียงเล็กน้อยจะปรึกษาและเชื่อคำแนะนำของคนในครอบครัว นั่นคือ สมาชิกในครอบครัวมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจในการใช้ยาและการรักษา 

๓. ซื้อยาที่ต้องการได้ง่าย และพยายามซื้อยาที่ต้องการแม้ว่าจะหาได้ยากหรือถูกห้ามขายก็ตาม และยิ่งถ้ายานั้นทำให้อาการดีขึ้นก็จะซื้อกินเองซ้ำอีกเรื่อยๆ

ดังนั้น เมื่อรวมทั้ง ๓ ข้อนี้เข้าด้วยกันแล้วจะทำให้พอสรุปได้ว่า ผู้ป่วยจะมีความพยายามรักษาอาการเจ็บป่วยด้วยตนเองก่อน หรือพูดง่ายๆ ก็คือต้องไม่ไหวแล้วจริงๆ ถึงจะยอมไปพบแพทย์

จุดนี้เองที่ทำให้เกิดการใช้สตีรอยด์อย่างผิดๆ อย่างแพร่หลายจนกลายมาเป็นปัญหาทางสุขภาพที่สำคัญ ยาสตีรอยด์ทำให้ผู้ป่วยเข้าใจผิดคิดว่าโรคหายและไม่ยอมไปพบแพทย์ แต่สุดท้ายกว่าผู้ป่วยจะยอมไปพบแพทย์อาการก็แสนสาหัสเสียแล้ว พอถึงตรงนี้ค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในการรักษาพยาบาลก็จะแพงกว่าการรักษาแต่เนิ่นๆ (หมายถึงช่วงที่อาการ/ โรคยังไม่รุนแรง หรือในระยะเริ่มแรกของการเป็นโรค) ถึงตรงนี้ผู้อ่านสงสัยอีกใช่ไหมว่า แล้วยาอันตรายอย่างนี้ ทำไมถึงยอมให้มีการทำออกมาขายควรจะเลิกผลิตได้แล้ว

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อ.ย. ได้กำหนดให้สารสตีรอยด์จัดเป็น "ยาควบคุมพิเศษ" หมายถึง เป็นยาที่ต้องควบคุมดูแลและจับตามองเป็นพิเศษ มีบทบัญญัติและบทลงโทษหากมีการฝ่าฝืนเกิดขึ้น แต่เนื่องด้วยการใช้มาตรการทางกฎหมายนั้น  มีข้อจำกัดทางด้านกำลังคน ดังนั้น การพึ่งตนเองก่อนปลอดภัยที่สุด นั่นคือปฏิเสธยาที่ผสมสตีรอยด์ ถามคนขายไปตรงๆ เลยว่า "ในยาชุดนี้มีสตีรอยด์ อยู่ด้วยหรือเปล่า" เพื่อความมั่นใจว่าคุณจะปลอดภัยจากสตีรอยด์ ควรดูว่า "เป็นยาที่ได้รับทะเบียนยาจาก อ.ย. ถูกต้องหรือเปล่า" โดยการสังเกตฉลากที่ปิดผนึกบนภาชนะบรรจุ ว่าจะต้องมีเลขทะเบียนตำรับยา ซึ่งถ้าเป็นยาแผนโบราณที่ผลิตในประเทศ เลขทะเบียนจะขึ้นต้นด้วยตัวอักษร G แต่ถ้าเป็นยาแผนโบราณที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ เลขทะเบียนจะขึ้นต้นด้วยตัวอักษร K ต่อมาจะเป็นเลขแสดงลำดับการอนุญาตและ   ปี พ.ศ. ที่อนุญาต เช่น G๒๐/๔๒ หมายถึง ยาตำรับนี้เป็นยาแผนโบราณที่ผลิตในประเทศได้รับอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนลำดับที่ ๒๐ ในปี พ.ศ.๒๕๔๒ เป็นต้น 

เห็นไหมว่าการปฏิเสธมหันตภัยสตีรอยด์นั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย เพียงแค่คุณไม่เคลิบเคลิ้มและหลงใหลไปกับอิทธิฤทธิ์ของสตีรอยด์เท่านั้นเอง ชีวิตคุณก็จะมีความปลอดภัย และมีความสุขอยู่กับคนที่คุณรักได้อีกนาน ในวงการแพทย์และวงการยาที่มีการใช้ยาสตีรอยด์ อย่างถูกวิธีตามหลักวิชาการและอย่างรู้เท่าทัน จะพบว่าสตีรอยด์ยังเป็นประโยชน์กับผู้ป่วยบางกลุ่มที่มีความจำเป็นต้องได้รับการเยียวยาจากสตีรอยด์อยู่อีก อาทิ ผู้ที่ป่วยด้วยโรคภูมิต้านตัวเอง โรคเลือด โรคไต เป็นต้น ซึ่งการใช้ยาสตีรอยด์ในการรักษาโรคดังกล่าวนั้น ต้องมีการกำหนดขนาดยา ปริมาณการใช้ และระยะเวลาที่ใช้ยาตามแบบแผนการรักษาที่เหมาะสม  ดังนั้นหากต้องเลิกผลิตจริงๆ จะทำให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้ได้รับความลำบากอย่างยิ่งและเสียโอกาสทางการรักษาไป

การใช้สตีรอยด์อย่างถูกต้อง ถูกวิธี ถูกโรค จริงๆ จะนำมาซึ่งประโยชน์ ในขณะที่หากนำสตีรอยด์ไปใช้ตามอำเภอใจด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ โดยปราศจากความรู้ความเข้าใจในอิทธิฤทธิ์ของสตีรอยด์อย่างถ่องแท้แล้วละก็มันก็คงไม่แตกต่างอะไรกับการเปิดประตูต้อนรับมหันตภัยเข้าสู่ร่างกายของตัวคุณเอง

view
view